
WPS, PQR และ WPQ คืออะไร / สำคัญอย่างไร
WPS, PQR, และ WPQ นั้นเกี่ยวข้องกับมาตรฐานในการเชื่อมโลหะที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการผลิตและงานก่อสร้าง ที่ต้องใช้มาตรฐานนี้ในการควบคุมคุณภาพการเชื่อมและความปลอดภัย โดยแบ่งออกได้ดังนี้:
1. WPS (Welding Procedure Specification)
WPS คือเอกสารที่กำหนดรายละเอียดและขั้นตอนการเชื่อมโลหะอย่างเป็นทางการ โดยระบุเงื่อนไขต่างๆ ในการเชื่อมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องตามมาตรฐาน ตัวอย่างข้อมูลที่ระบุใน WPS ได้แก่:
![]() |
![]() |
- วัสดุที่ใช้ (เช่น เหล็ก, สแตนเลส)
- ประเภทของกระแสไฟและวิธีการเชื่อม (เช่น MIG, TIG, SMAW)
- ความร้อน, ความเร็วในการเชื่อม
- ขนาดของลวดเชื่อม
- การจัดเตรียมรอยต่อ (Joint Preparation)
- และอื่นๆตาม ASME Code Sec. IX Article II
ความสำคัญของ WPS:
- ช่วยให้กระบวนการเชื่อมเป็นไปตามมาตรฐานและลดความเสี่ยงในการทำงาน
- ใช้เป็นคู่มือให้ช่างเชื่อมทราบว่าต้องดำเนินการอย่างไรในแต่ละขั้นตอน
2. PQR (Procedure Qualification Record)
PQR เป็นเอกสารที่บันทึกผลการทดสอบการเชื่อมจริงตาม WPS ที่ได้จัดทำขึ้น โดยจะบันทึกว่า การเชื่อมนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ และมีการทดสอบคุณภาพต่างๆ เช่น:
![]() |
|
![]() |
![]() |
- การทดสอบด้วยแรงดึง (Tensile Test)
- การทดสอบแรงดัด (Bend Test)
- การทดสอบโครงสร้างจุลภาค (Metallographic Test)
- การทดสอบความแข็ง (Hardness Test)
ความสำคัญของ PQR:
- ยืนยันว่ากระบวนการเชื่อมที่ระบุใน WPS สามารถทำได้จริง
- เป็นหลักฐานในการรับรองว่ากระบวนการเชื่อมเป็นไปตามมาตรฐานที่ต้องการ
3. WPQ (Welder Performance Qualification)
WPQ เป็นการทดสอบเพื่อประเมินความสามารถของช่างเชื่อมว่ามีทักษะและความเชี่ยวชาญเพียงพอในการปฏิบัติงานเชื่อมตาม WPS หรือไม่ โดยการทดสอบนี้จะเป็นการให้ช่างเชื่อมทำการเชื่อมตามขั้นตอนใน WPS จากนั้นจึงทดสอบคุณภาพการเชื่อมที่ช่างเชื่อมได้ทำไว้
![]() |
![]() |
ความสำคัญของ WPQ:
- ใช้ในการรับรองว่าช่างเชื่อมมีความสามารถในการเชื่อมตามมาตรฐานที่กำหนด
- การมี WPQ ทำให้ช่างเชื่อมสามารถทำงานได้ในอุตสาหกรรมที่มีการกำหนดมาตรฐานการเชื่อม
ขั้นตอนในการทดสอบกระบวนการเชื่อม